Crowdfunding

เซกเตอร์รุ่งและร่วง Q4 ของตลาดหุ้นสหรัฐ

ตลาดหุ้นสหรัฐในปีนี้ถือว่ายังเป็นช่วงขาขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีถึงในขณะนี้ ดัชนี S&P500 ขึ้นมา 17% อย่างไรก็ดี หากพิจารณาไส้ในจะพบว่ามีความแตกต่างกันระหว่างหุ้นในแต่ละกลุ่มอยู่ค่อนข้างสูงมาก จะเป็นอย่างไร มาติดตามกันครับ


util1

แล้วเราก็มาถึงช่วงไตรมาส 4 ของปี 2023 ในภาพรวม ตลาดหุ้นสหรัฐในปีนี้ถือว่ายังเป็นช่วงขาขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีถึงในขณะนี้ ดัชนี S&P500 ขึ้นมา 17% อย่างไรก็ดี หากพิจารณาไส้ในจะพบว่ามีความแตกต่างกันระหว่างหุ้นในแต่ละกลุ่มอยู่ค่อนข้างสูงมาก โดยหุ้นในกลุ่ม Utilities สำหรับปีนี้ ให้อัตราผลตอบแทนติดลบราวกว่า 15% โดยบริษัทที่ให้บริการไฟฟ้า ประปา และ แก๊ส มักจะมีจุดขายตรงที่มีการจ่ายอัตราเงินปันผลที่สูงกว่าตลาดโดยรวม และมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีต่อตลาด เมื่อเศรษฐกิจกำลังจะมีปัญหา

โดยณปัจจุบันข้อดีทั้งสองไม่ได้ปรากฏต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าวณนาทีนี้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นหมายความว่านักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้นในการมองหาผลตอบแทนแบบเน้นแน่นอนทุก 6 เดือน ซึ่งมีอยู่ให้เลือกอย่างหลากหลาย นอกจากเงินปันผลของหุ้นกลุ่มดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ความเชื่อที่ลดลงต่อการเกิดเศรษฐกิจถดถอยสหรัฐในอนาคตอันใกล้ หมายถึงความนิยมต่อหุ้นกลุ่มแนว Defensive ดูจะลดลงอย่างรวดเร็ว

ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ที่นักลงทุนกังวลว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ได้เกิดขึ้นมาเยอะแล้ว ก็ยังจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ ทำให้มีโอกาสสูงที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเกิดภาวะถดถอยขึ้นมา ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Utilities ลดลงเพียง 1.4% ในขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลงถึง 19%

สำหรับอัตราเงินปันผลของหุ้นกลุ่ม Utilities สหรัฐ  ตรงนี้ คาดว่าอยู่ที่  3.4% ซึ่งคิดเป็นกว่า 2 เท่าของอัตราเงินปันผลของดัชนี S&P 500 ทว่ายังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่ง  ตอนนี้ อยู่ที่ 4.6% ค่อนข้างมาก ซึ่งในปีที่แล้วอยู่ในระดับที่ต่ำกว่านี้มาก ก่อนที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกล๊อตใหญ่ต่อจากนั้นเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ

นอกจากประเด็นอัตราเงินปันผลดังกล่าว หุ้นแนวพลังงานทางเลือกที่อาศัยน้ำ ลม และแสงแดด ยังได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวนแบบ Extreme Weather เป็นอย่างมากด้วย

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่ม Utilities เคยร่วงลงหนักๆในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐโดยรวมเป็นขาขึ้นในช่วงก่อน Dot Com Bubble ในปี 1999 ก่อนที่จะกลับมาขึ้น 52% ในปี 2000 โดยที่ดัชนี S&P500 ลดลง 10%

อย่างไรก็ดี ความแตกต่างระหว่างหุ้นกลุ่ม Utilities กับ ดัชนี S&P500 ในขณะนี้ ถือว่ากว้างมากที่สุดเท่าที่ตลาดหุ้นสหรัฐเคยเผชิญมาตั้งแต่ในอดีต จึงทำให้เริ่มมีแรงซื้อจากทั้งกลุ่มรายย่อยและสถาบันเข้ามา โดยจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการซื้อสุทธิสำหรับดัชนี S&P 500 utilities ที่ $410 ล้าน โดยหุ้นดังๆในกลุ่ม อย่าง NextEra Energy และ Dominion Energy ร่วงลงกว่า 30% ในปีนี้ หากนับกันจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา

โดยหากพิจารณาความถูกแพงของหุ้นในกลุ่ม Utilities ในขณะนี้ ปรากฎว่า ค่า P/E สำหรับ 12 เดือนที่ผ่านมา เท่ากับ 17.96 ต่ำกว่า ของ S&P500 ซึ่งเท่ากับ 19.92 ในขณะที่ดัชนีหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากกระแส AI ปรากฎว่า ดัชนีตลาด Nasdaq มีค่า P/E สำหรับ 12 เดือนที่ผ่านมา เท่ากับ 32.25 โดยการที่ดัชนีหุ้นกลุ่ม Utilities ค่อนข้างถูกในช่วงนี้ เนื่องจากความนิยมของตลาดในช่วงจังหวะนี้ เน้นหุ้นกลุ่มแนวเติบโตมากกว่าแนวตั้งรับ เนื่องจากแนวคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยเริ่มลดโทนลงไปค่อนข้างมากแล้ว

คราวนี้ มาพิจารณาหุ้นในกลุ่มที่ดูคึกคักมาก ณ ตรงนี้ เห็นจะไม่พ้นหุ้นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มยารักษาโรคที่มีผลิตภัณฑ์ยาที่สามารถลดความอยากอาหารของมนุษย์โดยใช้ตัวยา GLP-1 ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการลดน้ำหนักได้ ซึ่งหุ้น Novo Nordisk สัญชาติสวีเดน คือหนึ่งในบริษัทยาที่ได้รับประโยชน์เต็มๆจากผลิตภัณฑ์ Wegovy และ Ozempic ซึ่งเป็นทั้งยาด้านโรคเบาหวานและยาลดน้ำหนักไปในตัว โดยอุปสงค์ของ Ozempic เติบโตถึง 300% ในสหรัฐสำหรับปีนี้ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของยอดขายและ Operating Income ของ Novo Nordisk ขยายตัว 38% และ 47% ตามลำดับสำหรับ ไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยอัตราผลตอบแทนรวมของหุ้น Novo Nordisk จากต้นปีถึงวันที่ 15 .ในตลาดสหรัฐ สูงถึงเกือบ 100% และค่า P/E ปี 2023 ณ จุดเดียวกันนี้ อยู่ที่ 41.01

อย่างไรก็ดี รัฐบาลสวีเดนเริ่มกังวลว่า Novo Nordisk ซึ่งมูลค่า Market Cap ในตลาดหุ้นสวีเดน ณ ปัจจุบันสูงถึงราว 4 แสนล้านยูโร ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นหุ้นที่ใหญ่สุดของตลาดหุ้นยุโรป โดยแซงหุ้น LVMH เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่าจีดีพีของสวีเดนในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ จะมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจสวีเดนมากเกินไป เหมือนช่วงที่ Nokia เคยมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจฟินแลนด์เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน โดย Novo Nordisk จะมีคู่แข่งอย่าง Eli Lilly ของสหรัฐที่กำลังเตรียมออกจำหน่ายยาลดน้ำหนักที่มีการทำงานของยาคล้ายกับ Ozempic และ Wegovy

ดรบุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

Similar posts

Get notified on new marketing insights

Be the first to know about new B2B SaaS Marketing insights to build or refine your marketing function with the tools and knowledge of today’s industry.